คดียาเสพติด

สำนักงานทนายความที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับคดียาเสพติด

โทษในคดียาเสพติด โดยเฉพาะในกรณีของการผลิต นำเข้า หรือ ส่งออกยาเสพติดนั้น มีโทษทางกฎหมายที่หนัก สูงสุดคือการประหารชีวิต ซึ่งในยุคปัจจุบัน โทษประหารชีวิตก็ถือเป็นประเด็นที่หลายๆประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมาก การให้ความสำคัญของสิทธิมนุษยชนและการตระหนักถึงศีลธรรมอันดีที่มีมากขึ้นอย่างแพร่หลายก่อให้เกิดการยกเลิกโทษประหารในหลายประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงมีโทษประหารชีวิตอยู่ ซึ่งจะทำโดยการฉีดยาก่อนที่ผู้กระทำความผิดจะจากไปอย่างสงบ 

ในความเป็นจริงแล้ว การที่จะพ้นโทษในคดียาเสพติดนั้นเป็นไปได้ยากมาก หากโดนจับในฐานะผู้ต้องหา หรือถูกฟ้องเป็นจำเลยแล้ว การรับสารภาพอาจเป็นทางเลือกในการรับมือกับโทษอันหนักหน่วงของคดีชนิดนี้ที่ดีที่สุด สำนักงานทนายความของเราจะแนะนำให้ผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอยู่เสมอ

ยาเสพติดให้โทษแบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ

ประเภท 1 ยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรง เช่น เฮโรอีน แอมเฟตามีน แมทแอมเฟตามีน เอ็กซ์ตาซี และแอลเอสดี

ประเภท 2 ยาเสพติดให้โทษทั่วไป เช่น มอร์ฟีน โคคาอีน โคเดอีน และฝิ่นยา

ประเภท 3 ยาเสพติดให้โทษที่มีลักษณะเป็นตำรับยา และมียาเสพติดให้โทษในประเภท 2 ผสมอยู่ด้วย คือ ยารักษาโรคที่มียาเสพติด ประเภท 2 เป็นส่วนประกอบอยู่ในสูตร เช่น ยาแก้ไอ ยาแก้ท้องเสีย

ประเภท 4 สารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 1 หรือประเภท 2 เช่น อาเซติคแอนไฮไดรด์ และอาเซติลคลอไรด์

ประเภท 5 ยาเสพติดให้โทษที่มิได้เข้าอยู่ในประเภท 1 ถึงประเภท 4 เช่น กัญชา* พืชกระท่อม

อัตราโทษในคดียาเสพติด

การแก้ไขพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษเกี่ยวกับการครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1 นั้นได้ถูกปรับให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าอัตราโทษเดิม นับว่าเป็นการช่วยให้ผู้พิพากษาสามารถใช้ดุลพินิจในการตัดสินบทลงโทษแก่จำเลยมากขึ้น และจำเลยสามารถอ้างอิงข้อเท็จจริงที่ใช้ต่อสู้คดีในชั้นศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อพิสูจน์เจตนาของตน 

การแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 กัญชา-กัญชง

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2563 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษออกประกาศเกี่ยวกับการระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อปลดล็อคส่วนของกัญชาและกัญชงให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่จัดเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 รายละเอียดมีดังนี้